ทักษิณได้บังอาจกระทำตนเสมอเจ้า “ทำบุญประเทศ” ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ทักษิณได้บังอาจกระทำการจาบจ้วงเบื้องสูง
ประกอบ (พระราช) พิธี “ทำบุญประเทศ”
ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
10 เม.ย.2548
นาย ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมพวก
ได้เข้าไปภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว โดยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ
นั่งเป็นประธานในพิธีศาสนสัมพันธ์สมานฉันท์แห่งชาติ หรือที่เรียกกันว่าทำบุญประเทศ
ภายในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ซึ่งเป็นพระอารามหลวงที่ตั้งอยู่ภายในเขตพระราชฐานในพระบรมมหาราชวัง
อันเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และพระบรมวงศานุวงศ์ใช้ประกอบราชพิธี
บุคคลอื่นใดไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปหากไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ซึ่งการกระทำดังกล่าว
ถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยกตนเองเสมอเบื้องสูง เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
นอกจากนั้น
พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ยังได้แต่งกายที่ไม่สุภาพเข้าไปประกอบพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน ละเมิด ต่อระเบียบโบราณราชประเพณี
จึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของบุคคลทั้งสองเข้าข่ายฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดด้วย
พล.อ.กิตติศักดิ์
กล่าวว่า การแจ้งความครั้งนี้ตนต้องการให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นยุติลง ทั้งนี้
เมื่อวานที่ผ่านมา (16 พ.ย.) พล.ต.พฤณท์ สุวรรณทัต ผู้บัญชาการกองพลที่ 1
รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) ได้เดินทางยื่นหนังสือถึงนายสนธิ ลิ้มทองกุล
ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร
เพื่อห้ามนายสนธิพูดพาดพิงถึงเบื้องสูง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหากดูภาพที่
พ.ต.ท.ทักษิณ และนายวิษณุเข้าไปประกอบพิธีในวัดพระแก้ว
ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ และก็ไม่อยากให้มีการนำเรื่องนี้มาพูดผ่านสื่อ
และไม่ต้องการให้พวกเราดึงพระองค์ลงมา
ส่วนรายละเอียดการดำเนินคดีเป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนจะต้องดำเนินการสอบสวนว่าใครผิด
ใครถูก ควรหรือไม่ควร ขณะนี้หลักฐานปรากฏชัดเจน
ส่วนรายละเอียดเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะต้องไปสอบหาที่มาที่ไปของการเข้าไปทำให้เกิดภาพลักษณะดังกล่าว
“
ตั้งแต่เกิดมาในชีวิต ไม่เคยเห็น เห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรก
ถ้าพี่น้องประชาชนชาวไทยทั่วทั้งแผ่นดิน เห็นภาพนี้แล้ว ก็คงคิดเหมือนผม
เราคงไม่ต้องว่าเราผิดอะไร วันนี้อยากเรียกร้องให้บ้านเมืองหันเข้ามาปรองดองกัน
อย่าแบ่งฝ่ายโน้นฝ่ายนี้แล้วทะเลาะเบาะแว้งกัน หมดเวลาทะเลาะกันแล้ว ประเทศชาติบอบช้ำ
ฝ่ายหนึ่งหนุนอีกฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนุนอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อพ.ศ. 2535
พระเจ้าอยู่หัวรับสั่งว่าถ้าฝ่ายหนึ่งชนะอีกฝ่ายหนึ่งก็จะต้องแพ้
ถ้าฝ่ายหนึ่งแพ้อีกฝ่ายก็ต้องชนะ แต่สิ่งที่แพ้แน่นอนคือประเทศชาติแล้วเสียหาย
ฝ่ายที่ชนะก็ชนะบนซากปรักหักพังของแผ่นดิน จึงอยากให้ทุกยุติเรื่องเหล่านี้
อยากให้ทุกฝ่ายรอกระบวนการของศาลยุติธรรม”พล.อ.กิตติศักดิ์กล่าว
พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับพยานหลักฐานขณะนี้เราได้มาหมดแล้ว ตั้งแต่เริ่มประชุมคณะกรรมการที่จะทำบุญให้กับประเทศ ว่าเริ่มประชุมเมื่อไหร่ แนวคิดครั้งแรกเกี่ยวกับการทำหนังสือกราบบังคมทูลมาทำบุญให้แผ่นดิน การทำบุญให้แผ่นดินผู้ที่เป็นประธานก็จะต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แต่ปรากฏว่าเหตุไม่ทราบผันแปรอย่างไร จากสนามหลวงมาเป็นวัดพระแก้ว หนังสือที่เคยขอไปก็ไม่มีการตอบกลับมา อยากให้เจ้าพนักงานดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ตามระเบียบ เป็นเรื่องที่ค้างคาใจของคนทั้งชาติ
ที่มา :
“ทักษิณ”
นั่งปธ.ทำบุญวัดพระแก้ว วิจารณ์สนั่นไม่มีพระบรมราชานุญาต?
ผู้อยู่เบื้องหลัง
ทักษิณ ในโบสถ์วัดพระแก้วครั้งนั้น วันนี้เห็นกันจะจะ !
http://oknation.nationtv.tv/blog/arya-tirawej/2016/01/26/entry-1
“พล.อ.กิตติศักดิ์”
แจ้งจับ “ทักษิณ” ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ประกอบพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ยกตนเองเสมอเบื้องสูง
http://www.photoontour.com/Events_HTML/26feb2010/news/246.htm
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น